สารอาหารสำคัญในบีทรูท

บีทรูทอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น

1. วิตามิน (Vitamins)

• วิตามินซี (Vitamin C): ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและปกป้องเซลล์จากความเสียหาย
• วิตามินบี 9 (โฟเลต, Folate): จำเป็นสำหรับการสร้างเซลล์ใหม่และช่วยป้องกันความผิดปกติของระบบประสาทในทารก
• วิตามินบี 6 (Vitamin B6): ช่วยให้ระบบประสาทและการเผาผลาญโปรตีนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• วิตามินเอ (Vitamin A): ช่วยบำรุงสายตาและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

2. แร่ธาตุ (Minerals)

• โพแทสเซียม (Potassium): ช่วยควบคุมความดันโลหิตและการทำงานของหัวใจ
• แมงกานีส (Manganese): ช่วยเสริมสร้างกระดูกและมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเผาผลาญพลังงาน
• เหล็ก (Iron): จำเป็นสำหรับการสร้างเม็ดเลือดแดงและป้องกันโรคโลหิตจาง
• แมกนีเซียม (Magnesium): ช่วยควบคุมการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ
• สังกะสี (Zinc): ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่

3. ใยอาหาร (Dietary Fiber)

• บีทรูทอุดมไปด้วยใยอาหารสูง ซึ่งช่วยในเรื่องของระบบย่อยอาหาร ป้องกันอาการท้องผูก และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

4. สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants)

• เบทานิน (Betalain): เป็นสารสีแดงม่วงในบีทรูทที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบและอนุมูลอิสระ
• โพลีฟีนอล (Polyphenols): ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและโรคมะเร็ง
• ไนเตรต (Nitrate): ช่วยขยายหลอดเลือดและเพิ่มการไหลเวียนของออกซิเจนในเลือด

5. น้ำตาลธรรมชาติ (Natural Sugars)

• บีทรูทมีน้ำตาลธรรมชาติในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งให้พลังงานอย่างรวดเร็วแก่ร่างกาย

6. โปรตีน (Protein)

• แม้ว่าโปรตีนในบีทรูทจะไม่สูงมาก แต่ก็มีโปรตีนที่ช่วยซ่อมแซมเซลล์และเนื้อเยื่อในร่างกาย

7. สารพฤกษเคมี (Phytochemicals)

• สารเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และปกป้องเซลล์จากความเสียหายจากอนุมูลอิสระ

ประโยชน์ของบีทรูท

1. ช่วยลดความดันโลหิต: บีทรูทมีไนเตรตธรรมชาติ ซึ่งร่างกายจะเปลี่ยนเป็นไนตริกออกไซด์ ช่วยขยายหลอดเลือดและเพิ่มการไหลเวียนโลหิต ส่งผลให้ความดันโลหิตลดลง
2. เพิ่มความทนทานในการออกกำลังกาย: ไนเตรตในบีทรูทช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ออกซิเจนของร่างกาย ทำให้ร่างกายทนทานต่อการออกกำลังกายได้ดีขึ้น
3. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน: วิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระในบีทรูทช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ
4. ช่วยล้างสารพิษในตับ: บีทรูทมีสารที่เรียกว่า "เบตาเลน" ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการล้างสารพิษและขับของเสียออกจากตับ
5. บำรุงสมองและระบบประสาท: สารไนเตรตในบีทรูทช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตไปยังสมอง ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคสมองเสื่อมและความจำเสื่อม
6. ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย: สารต้านอนุมูลอิสระในบีทรูทช่วยลดอาการอักเสบเรื้อรังในร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคต่าง ๆ เช่น เบาหวาน และโรคหัวใจ
7. บำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง: วิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระในบีทรูทช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดริ้วรอย และทำให้ผิวพรรณดูสดใส
8. ช่วยย่อยอาหารและบรรเทาอาการท้องผูก: ใยอาหารในบีทรูทช่วยเพิ่มกากใยในระบบทางเดินอาหาร กระตุ้นการขับถ่าย และลดปัญหาท้องผูก
9. เสริมสร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันภาวะโลหิตจาง: ธาตุเหล็กและโฟเลตในบีทรูทช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงและป้องกันภาวะโลหิตจาง
10. ช่วยควบคุมน้ำหนักและไขมันในร่างกาย: บีทรูทมีแคลอรีต่ำ ไม่มีไขมัน และเต็มไปด้วยใยอาหาร ช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องนานขึ้น

วิธีการรับประทานบีทรูทเพื่อสุขภาพ

• ดื่มน้ำบีทรูทสดวันละ 1 แก้ว
• ใส่บีทรูทลงในสลัดผัก
• ทำเป็นซุปบีทรูท
• ปั่นบีทรูทรวมกับผลไม้เป็นสมูทตี้
• ผสมในอาหารคาวและหวาน เช่น พาสต้า หรือขนมอบ

บีทรูทเป็นผักที่อุดมไปด้วยสารอาหารและประโยชน์มากมาย ทั้งช่วยดูแลสุขภาพหัวใจ ตับ สมอง และระบบย่อยอาหาร อีกทั้งยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน และดูแลผิวพรรณให้ดูอ่อนเยาว์ การรับประทานบีทรูทเป็นประจำสามารถช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่ดีจากภายในสู่ภายนอกได้อย่างแท้จริง